วิธีการชง กาแฟดริป สำหรับผู้เริ่มต้น (HOW TO DRIP COFFEE)

กาแฟดริป

ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อรสชาติของกาแฟดริป

1. อัตราส่วนปริมาณกาแฟต่อน้ำ

  • จะปริมาณกาแฟที่ใช้กับปริมาณน้ำที่ใช้ในการดริป (Drip) นั้นเป็นสิ่งแรกที่กำหนดรสชาติของกาแฟ ซึ่งถ้าใช้ปริมาณน้ำมากกาแฟก็จะจางแต่ถ้าใช้ปริมาณน้ำน้อ และกาแฟก็จะเข้มข้น
  • ในอัตราส่วนที่เราแนะนำคือประมาณกาแฟ 1 กรัม ต่อน้ำ 15 ถึง 17 กรัม จะสามารถปรับปริมาณของน้ำต่อกาแฟได้ถ้าต้องการกาแฟที่รสชาติจัดจ้าน ก็จะสามารถใช้น้ำน้อยกว่า 15 กรัมได้ หรือถ้าอยากได้กาแฟรสชาติบางๆ และก็สามารถใช้น้ำมากกว่า 17 กรัมได้

2. ลักษณะของ Dripper

              2.1 มีลักษณะของตัวกรอง Dripper นั้นสามารถแบ่งได้สามแบบใหญ่ๆ คือใช้ตัวกรองเป็น กระดาษ, ผ้า, และ ตัวกรองแบบเป็นโลหะ ซึ่งโดยลักษณะของ Dripper แต่ละแบบมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกัน

  • ซึ่งเนื่องจากรูของตัว Dripper มีขนาดใหญ่ทำให้น้ำมันกาแฟจากกาแฟสามารถสกัดออกมาได้เยอะกว่า และจะมีข้อเสียคือมีผงกาแฟเล็กๆปนอยู่ในแก้ว
  • สำหหรับกาแฟที่ได้จึงมีรสชาติกลมกล่อม แต่มีความขุ่นมากกว่าแบบกระดาษ
  • มีตัวกรองกระดาษ
  • ซึ่งเนื่องจากกระดาษมีรูปขนาดเล็กกว่าโลหะ ทำให้สามารถกรองผงกาแฟละเอียดได้ดีกว่า
  • ดังนั้นกาแฟที่ได้จึงใสและรสชาติชัดเจนกว่า

              2.2 ด้านของการไหลของน้ำ (Flow Rate) Dripper ซึ่งจะมีลักษณะของรูที่ให้น้ำไหลออกอยู่หลากหลายรูปแบบ บางแบบมีเป็นรูขนาดเล็กหนึ่งรู บางแบบเป็นรูขนาดเล็กหลายรู หรือ บางแบบเป็นรู ขนาดใหญ่ หรือถ้าเป็น Dripper และโลหะการไหลของน้ำก็จะไวกว่าแบบกระดาษ

              ซึ่งถ้าการไหลของน้ำช้าหรือไว อาจจะจำเป็นต้องปรับขนาดบดกาแฟ และให้เหมาะสมกับลักษณะของ Dripper 

3. ขนาดบด

  • ในขนาดบดของเมล็ดกาแฟที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่หลายปัจจัย ได้แก่รสชาติที่ต้องการ และลักษณะของ Dripper
  • มีลักษณะของ Dripper ที่ใช้มีรูขนาดเล็กซึ่งทำให้น้ำไหลช้า และยิ่งบดกาแฟละเอียดก็จะทำให้มีรสชาติที่เข้มข้นหนักแน่น แต่ซึ่งถ้าบดหยาบจะทำให้รสชาติของกาแฟนั้นมีรสชาติที่จางกว่า
  • ซึ่งด้านซ้ายคือบดละเอียด กับ ด้านขวาคือบดหยาบ

4. การเทน้ำ และ ระยะเวลา

  • ซึ่งนอกจากลักษณะของ Dripper และจะส่งผลต่อการไหลของน้ำ (Flow rate) 
  • ในการเทน้ำก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลการไหลของน้ำ ซึ่งโดยจะแสดงออกมาเป็นระยะเวลาที่ใช้ในการชง
  • ถ้าใช้ระยะเวลาในการชงนานแสดงว่าน้ำไหลช้า และกาแฟก็จะเข้มอาจจะขมได้
  • ถ้าใช้ระยะเวลาในการชงสั้นแสดงว่าน้ำไหลไวกาแฟ ซึ่งก็จะจางมีรสเปรี้ยวที่เด่นมากขึ้น

5. อุณหภูมิ

  • ซึ่งยิ่งอุณหภูมิสูงก็จะทำให้กาแฟมีรสเข้มขึ้น และโดยอุณหภูมิเริ่มต้นที่แนะนำนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 92 ถึง 94 องศา

แล้ว Beans Here Drip กาแฟยังไง

  • จะใช้กาแฟที่บดระดับกลางค่อนไปทางหยาบ
  • จะใช้กาแฟทั้งหมด 20 กรัม ซึ่งใส่น้ำ 340 กรัม ถือว่าเป็นอัตราส่วน 1 : 17
  • จะอุณหภูมิประมาณ 92-94 องศา
  • จะอุปกรณ์ที่ใช้จะเป็น Cores C240 Metal Filter ซึ่งมีการออกแบบที่ทำให้น้ำไหลค่อนข้างไวดังนั้นเราจะ และแบ่งการเทน้ำเป็นทั้งหมด 5 ครั้ง
  • ซึ่งโดยการชงของเราจะเสร็จสิ้นภายใน 3 นาที

ขั้นตอนที่ 1

  • จะเทน้ำครั้งแรกทั้งหมด 60 กรัม ซึ่งพร้อมกับคนให้ผงกาแฟเปียกทั่วกันและรอประมาณ 40 วินาที  (รวมน้ำทั้งหมด 60 กรัม)

ขั้นตอนที่ 2

  • ในเมื่อครบ 40 วินาที เราก็จะเทน้ำลงไปอีก 60 กรัม และรออีก 40 วินาที (รวมน้ำทั้งหมด 120 กรัม) 

ขั้นตอนที่ 3

  • ในเมื่อเวลาครบ 1.20 นาที ทางเราก็จะเทน้ำลงไปอีก 60 กรัม และรออีก 40 วินาที (รวมน้ำทั้งหมด 180 กรัม)

 ขั้นตอนที่ 4

  • ในเมื่อเวลาครบ 2 นาที เราเทน้ำลงไป 80 กรัม และรอประมาณ 30 วินาที (รวมน้ำทั้งหมด 260 กรัม)

ขั้นตอนสุดท้าย

  • ในเมื่อเวลาครบ 2.30 นาที เราจะเทน้ำลงไปอีก 80 กรัม  และรอประมาณ 30 วินาที (รวมน้ำทั้งหมด 340 กรัม)
  • ซึ่งรอจนน้ำหยดใกล้หมดจึงยก Dripper ออก และจากนั้นก็ทำการคนก่อนที่จะทำการเสิร์ฟ
  • สุดท้ายจะได้กาแฟดริปอยู่ที่ประมาณ 300 กรัม

             สำหรับผงกาแฟจะซับน้ำประมาณสองเท่าของน้ำหนักผงกาแฟในกรณีนี้คือใช้กาแฟ 20 กรัม ซึ่งดังนั้นผงกาแฟจะซับน้ำประมาณ 40 กรัม

แล้วถ้าเราแยกน้ำแต่ละครั้งออกมา

  • ซึ่งถ้าเราแยกการเทน้ำแต่ละครั้งออกมาเป็นแต่ละแก้ว และก็จะพบว่าในแต่ละแก้วนั้นมีรสชาติที่ไม่เหมือนกัน โดยเราจะพบว่า มีรสชาติของกาแฟที่ออกมานั้นจะมีรสชาติที่เข้มข้นสุดในแก้วแรกและมีปริมาณน้ำกาแฟออกมาน้อยที่สุด ซึ่งความเข้มข้นของกาแฟนั้นจะค่อยๆลดลงจนถึงแก้วที่สาม
  • ซึ่งในขณะที่รสชาติของกาแฟนั้นจะเหลือแค่น้ำจางๆ ในแก้วที่ 4 และแก้วที่ 5 สล็อต เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์ เปิดยูสเซอร์ฟรี ไม่มีขั้นต่ำ มีเกมพนัน ให้เลือก เดิมพัน หลายชนิด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *